9 วิชาสามัญคืออะไร 

วิชาสามัญ คือข้อสอบกลางที่จัดสอบโดยสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (สทศ.) และมักจะสอบเป็นสนามสอบสุดท้ายใน TCAS ข้อสอบทุกวิชาจะเป็นรูปแบบปรนัย 5 ตัวเลือก 90 นาที มีคะแนนเต็ม100 คะแนน 

 

9วิชาสามัญ มีวิชาอะไรบ้าง

1.ภาษาไทย      50 ข้อ

2.สังคมศึกษา    50 ข้อ

3.ภาษาอังกฤษ   80 ข้อ

4.คณิตศาสตร์    30 ข้อ

5.ฟิสิกส์              25 ข้อ

6.เคมี                 50 ข้อ

7.ชีววิทยา           80 ข้อ

8.คณิตศาสตร์ 2  30 ข้อ

9.วิทยาศาสตร์ทั่วไป 50 ข้อ

 

 9 วิชาสามัญใช้กับ TCAS รอบไหน 

 - TCAS รอบที่ 2 การรับแบบโควตา  บางโครงการที่ใช้คะแนนจาก 9 วิชาสามัญ 

-  TCAS รอบที่ 3 รับตรงร่วมกัน  รอบนี้จะเน้นใช้คะแนน 9 วิชาสามัญ และ GAT/PAT

 - TCAS รอบที่ 5 รับตรงอิสระ  ขึ้นอยู่กับเกณฑ์ของแต่ละมหาวิทยาลัย

 

9 วิชาสามัญใช้กับคณะไหนบ้าง

-คณะสาขาทางสายวิทย์ ส่วนมากจะใช้ 7 วิชาสามัญ คือ ภาษาไทย สังคม อังกฤษ คณิตศาสตร์ 1 ฟิสิกส์ เคมี และชีววิทยา

 

-คณะสาขาทางสายศิลป์ มักจะใช้ วิชาสามัญ 5 วิชา คือ ภาษาไทย สังคม อังกฤษ คณิตศาสตร์ 2 และวิทยาศาสตร์ทั่วไป 

 

-คณะสายศิลป์ กลุ่มที่ไม่ใช่ วิทย์-คณิต มักจะใช้ วิชาสามัญ 3 วิชา คือ ภาษาไทย สังคม และ ภาษาอังกฤษ

 

วางแผนการติวตัวต่อตัวอย่างไรให้คะแนน9วิชาสามัญออกมาสุดปัง!

1. ตั้งเป้าหมายของตนเองและเริ่มเตรียมตัวตั้งแน่เนิ่นๆ!  สนามสอบเข้ามหาวิทยาลัย ทุกสนามไม่ว่าจะเป็น 9วิชาสามัญ  GAT PAT  หรือสนามสอบหลักสูตร  Inter  ต่างๆ น้องๆและผู้ปกครองจะเห็นว่าเราต้องสอบหลากหลายวิชา หลากหลายทักษะ เนื้อหาแต่ละวิชาก็หินๆทั้งนั้น  ดังนั้นแล้วน้องๆควรมีเวลาอย่างน้อย6เดือน-1ปี ในการตั้งใจเตรียมตัวสอบแต่ละสนามไม่ว่าจะเป็นการอ่านหนังสือเองหรือลงเรียนพิเศษค่ะ 
    
2. แล้วถ้าเหลือเวลาอีก2-4 เดือนก่อนสอบ เราอยากติวตัวต่อตัวโค้งสุดท้ายจะติวได้มั้ยนะ พี่ๆแนะนำว่ายังลงติวได้ค่ะ เวลา3-4 เดือนไม่ใช่ระยะเวลาที่น้อยเกินไป แต่อาจจะแนะนำให้ติวถี่มากขึ้น และอาจต้องตัดเนื้อหาในการติวตามความเหมาะสมของเวลาและศักยภาพในการเรียนรู้ของน้องๆค่ะตรงนี้พี่ติวเตอร์จะวางแผนการติวให้โดยประเมินจากน้องๆเป็นรายบุคคลค่ะ

 3.  แนะนำให้น้องๆศึกษาข้อมูลว่าคณะ/สาขาเราอยากเข้านั้น กำหนดให้ใช้ สัดส่วนคะแนนอย่างไรบ้าง ในข้อสอบเข้ามหาวิทยาลัยน้องๆยังสามารถศึกษาตัวข้อสอบจริงย้อนหลังทุกพ.ศ. ที่ทางส่วนกลางได้เผยแพร่ออกมาในแต่ละปี หลังจากนั้นให้เราประเมินตนเองว่าเรามีจุดอ่อนมากๆในวิชาไหน ที่เรามองว่าตนเองไม่สามารถอ่านเองได้อย่างแน่นอน หรือวิชาไหนที่ใช้สัดส่วนคะแนนสูงแต่เราไม่ถนัดในวิชานั้น พี่ๆจะแนะนำให้ลงติวเฉพาะวิชาเหล่านั้นค่ะ การที่น้องๆลงติวเยอะทำให้น้องๆไม่มีเวลาพักผ่อน เมื่อติวแล้วไม่ได้กลับไปทบทวนทำโจทย์ด้วยตนเองเนื่องจากแค่เวลาเรียนพิเศษอย่างเดียวก็รู้สึกเหนื่อยแล้ว ย่อมจะทำให้เราสูญเสียเวลาและเงินค่าเรียนของคุณพ่อคุณแม่ไปอย่างเปล่าประโยชน์ การเรียนพิเศษแล้วน้องๆไม่ได้กลับไปทบทวนเนื้อหา ไม่หมั่นทำโจทย์ ไม่เคยได้ผลลัพธ์ออกมาดีเลยนะคะ
 

4. น้องๆจงระลึกไว้ว่า หัวใจของความสำเร็จในทุกสนามสอบนั้นไม่ใช่การลงเรียนพิเศษให้เยอะที่สุด และไม่ใช่การลงเรียนพิเศษกับสถาบันชื่อดังตามความนิยมของคนหมู่มากเสมอไป แต่คือการเรียนอย่างพอเหมาะและหาสถานที่เรียนที่เราไปเรียนแล้วเข้าใจเนื้อหาจริงๆ  เพราะเราแต่ละคนย่อมเหมาะสมในสิ่งที่แตกต่างกัน และที่สำคัญที่สุด!! เมื่อเรียนพิเศษไปแล้วน้องๆต้องกลับไปทบทวนบทเรียนที่เรียนพิเศษไปแล้วและหมั่นทำโจทย์ฝึกฝนเพื่อประเมินตนเองอย่างสม่ำเสมอหลังคาบเรียนทุกครั้ง การฝึกทำโจทย์เป็นสิ่งที่สำคัญมากที่สุดเลยที่จะทำให้น้องๆๆทำคะแนนสอบออกมาได้ดี หากน้องๆขยัน อดทน ฝึกฝน และโฟกัส ฝันที่เราวางไว้ไม่ไกลเกินเอื้อมแน่นอนค่ะ